ระบบบำบัดน้ำเสีย ดูแลรักษาอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด?

Last updated: 6 ก.ย. 2567  |  991 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ระบบบำบัดน้ำเสีย ดูแลอย่างไร

ระบบบำบัดน้ำเสีย ดูแลรักษาอย่างไร?

ระบบบำบัดน้ำเสีย เป็นส่วนสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของเรา การดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสียอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นได้จากน้ำเสียที่ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำเสียในเชิงลึก พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถดูแลระบบบำบัดน้ำเสียของคุณได้อย่างมืออาชีพ

ทำความเข้าใจระบบบำบัดน้ำเสียอย่างละเอียด

  1. หลักการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย: ระบบบำบัดน้ำเสียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยกระบวนการหลัก 3 ขั้นตอนได้แก่

    ขั้นตอนที่ 1 บ่อเกรอะ
    จากท่อน้ำเสียเข้าสู่ถัง จะเจอส่วนแรกที่น้ำเสียไหลเข้ามา คือ บ่อเกรอะ ทำหน้าที่รับกากของเสีย และส่ิงสกปรกต่างๆ จะเป็นส่วนแรกที่แยกของแข็งออกจากของเหลว ซึ่งกากและตะกอนจะถูกแยกออกมา เหลือเพียงแต่น้ำเสียเท่านั้น เพื่อจะไหลเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำเสีย ขั้นที่ 2 ต่อไปบ่อเกรอะมีส่วนสำคัญอย่างมากในการรอบรับน้ำเสีย เนื่องจากเป็นเหมือนลักษณะบ่อรับน้ำ คัดกรองสิ่งสกปรกให้มารวมกันแล้ว ยังเป็นบ่อที่เราต้องดูแลอีกด้วย เช่นที่เราเห็นประจำคือ การสูบส้วม บ่อส้วมเต็ม ล้วนเกิดจาก บ่อเกรอะ ที่รับของเสียเต็มที่แล้ว หากในการออกแบบของวิศวกร เลือกรองรับน้ำเสีย จากขนาดบ่อเกรอะน้อยเกินไป อาจจะทำให้คุณภาพการบำบัดน้ำเสียไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ก็เป็นไปได้

    ขั้นตอนที่ 2 บ่อเติมอากาศ
    บ่อเติมอากาศ ทำหน้าที่เติมอากาศให้กับระบบบำบัดน้ำเสีย บ่อนี้มีส่วนสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นบ่อที่ใช้เลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต้องการอากาศ เป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพดีขึ้นอีกด้วย 

    ขั้นตอนที่ 3 บ่อตกตะกอน

    บ่อตกตะกอน ทำหน้าที่เป็นบ่อพักน้ำซึ่งจะมีตะกอนจุลินทรีย์หลุดออกมา บ่อตกตะกอนจะช่วยพักจุลินทรีย์ หรือดักให้จมลงด้านล่างบ่อ เพื่อไม่ให้หลุดออกจากระบบบำบัดน้ำเสีย และบ่อตกตะกอนนี้ ยังสามารถมีปั๊มสูบตะกอนย้อนกลับ เพื่อนำไปใช้ใหม่อีกครั้งได้อีกด้วย ข้อดีของบ่อตกตะกอน  คือ เราสามารถแยกตะกอนออกจากน้ำใส และ สามารถควบคุมปริมาณจุลินทรีย์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
  2. ชนิดของระบบบำบัดน้ำเสีย: ระบบบำบัดน้ำเสียมีหลายชนิดให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิดของน้ำเสีย เช่น
  • ระบบบำบัดน้ำเสียแบบแอโรบิก: เป็นระบบที่ใช้จุลินทรีย์ที่อาศัยอากาศในการย่อยสลายสารอินทรีย์ เหมาะสำหรับน้ำเสียที่มีปริมาณสารอินทรีย์สูง
  • ระบบบำบัดน้ำเสียแบบแอนแอโรบิก: เป็นระบบที่ใช้จุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศในการย่อยสลายสารอินทรีย์ เหมาะสำหรับน้ำเสียที่มีความเข้มข้นสูง
  • ระบบบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพ: เป็นระบบที่ใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยมีการเติมอากาศเข้าไปในระบบเพื่อให้จุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดี
  • ระบบบำบัดน้ำเสียแบบเคมี: เป็นระบบที่ใช้สารเคมีในการกำจัดสารปนเปื้อนในน้ำเสีย
3. ส่วนประกอบสำคัญของระบบบำบัดน้ำเสีย:
ถังบำบัด: เป็นภาชนะที่ใช้สำหรับเก็บน้ำเสียและเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์
ปั๊ม: ใช้สำหรับสูบจ่ายน้ำเสียและอากาศเข้าสู่ระบบบำบัด
ตะแกรง: ใช้สำหรับกรองของแข็งขนาดใหญ่
บ่อตกตะกอน: ใช้สำหรับตกตะกอนของแข็งที่แขวนลอยอยู่ในน้ำเสีย
อุปกรณ์เติมอากาศ: ใช้สำหรับเติมอากาศเข้าสู่ระบบบำบัด


ขั้นตอนการดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย

  1. การตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสีย:
    - ตรวจสอบประจำวัน: สังเกตกลิ่น สี ปริมาณน้ำเสีย การทำงานของปั๊ม และระดับน้ำในบ่อ
    - ตรวจสอบประจำสัปดาห์: ตรวจสอบท่อและข้อต่อ ตรวจสอบความรั่วซึม ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ ระบบ
    - ตรวจสอบประจำเดือน: ตรวจสอบสภาพของถังบำบัด ทำความสะอาดตะแกรง ตรวจสอบปริมาณจุลินทรีย์
    - ตรวจสอบประจำปี: ตรวจสอบระบบไฟฟ้า เครื่องมือวัด และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  2. การทำความสะอาดระบบบำบัดน้ำเสีย:- ทำความสะอาดตะกอน: ควรทำความสะอาดตะกอนที่สะสมอยู่ในบ่อบำบัดเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ตะกอนมากเกินไปจนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบ
    - ทำความสะอาดถังบำบัด: ควรทำความสะอาดถังบำบัดอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อขจัดคราบสกปรกและตะกอน
    ที่เกาะติดอยู่ตามผนังถัง
    - ทำความสะอาดอุปกรณ์อื่น ๆ: ควรทำความสะอาดอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ปั๊ม ท่อ และข้อต่อ เป็นประจำ เพื่อป้องกันการอุดตัน
  3. การบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย: เปลี่ยนอะไหล่: ควรเปลี่ยนอะไหล่ที่ชำรุดหรือสึกหรอ เช่น ซีล ปะเก็น และมอเตอร์ปั๊ม เป็นประจำ
    ตรวจสอบระบบไฟฟ้า: ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าและเครื่องมือวัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างปลอดภัย
    เติมจุลินทรีย์: ควรเติมจุลินทรีย์ลงในบ่อบำบัดเป็นระยะ เพื่อช่วยให้จุลินทรีย์ในระบบมีจำนวนเพียงพอในการย่อยสลายสารอินทรีย์

ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข

  • น้ำเสียไหลล้น: อาจเกิดจากปั๊มทำงานผิดปกติ ท่ออุดตัน หรือตะกอนสะสมมากเกินไป
  • มีกลิ่นเหม็น: อาจเกิดจากการที่จุลินทรีย์ในบ่อทำงานไม่ดี หรือมีการสะสมของตะกอนมากเกินไป
  • ระบบทำงานผิดปกติ: อาจเกิดจากไฟฟ้าขัดข้อง หรืออุปกรณ์บางส่วนชำรุด
  • มีฟองมากผิดปกติ: อาจเกิดจากการเติมจุลินทรีย์มากเกินไป หรือมีสารเคมีปนเปื้อนในน้ำเสีย

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • เลือกผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญ: ควรเลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์และมีความรู้ความสามารถในการดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย
  • ทำบันทึกการบำรุงรักษา: ควรทำบันทึกการบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียอย่างละเอียด เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามผลและวางแผนการบำรุงรักษาในอนาคต
  • ป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ระบบ: ควรติดตั้งตะแกรงหรือดักจับสิ่งแปลกปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตันในระบบ
  • ตรวจสอบคุณภาพของน้ำทิ้ง: ควรตรวจสอบคุณภาพของน้ำทิ้งเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำทิ้งที่ปล่อยออกไปสู่สิ่งแวดล้อมมีคุณภาพตามมาตรฐาน

3วิธีดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย

 

สรุป

การดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสียเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นได้จากน้ำเสียที่ไม่ได้รับการบำบัดอย่างถูกต้อง การปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสียอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณมีระบบบำบัดน้ำเสียที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้